วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วิเคราะห์เรื่องสั้น(ต่อ)

ตาของกะทิเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน เมื่ออ่านถึงคำพูดของตา ผมรู้สึกสนุกมาก เช่น ตอนที่1 กระทะกับตะหลิว “ตาบอกว่ายิ้มของยายมีน้อย ต้องสงวนเอาไว้อัดกระป๋องส่งออกไปขายต่างประเทศ ”ตอนที่4“ตาหาซื้อเรืออีแปะ···ตาบอกว่าเป็นการปลีกวิเวกพ้นจากมลพิษทางเสียง(ของยาย)” นอกจากนี้ ตาของกะทิร่ำเรียนจากเมืองนอกเมืองนา เป็นนักกฎหมายมือหนึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วบ้านทั่วเมือง ทำเงินเป็นถุงเป็นถุงช่วยเหลือคนมามาก ส่วนนี้แสดงให้เห็นถึงตาของกะทิเป็นคนเก่งด้านกฎหมาย มีน้ำใจและความเที่ยงธรรม ชาวบ้านส่วนใหญ่เคารพตา
ส่วนแม่ของกะทิ ณภัทร พจนวิทย์ เป็นตัวแทนของหญิงสาวสมัยใหม่ที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติและทรัพย์สมบัติ เรียนจบเนติบัณฑิตจากเมืองไทยและไปเรียนต่อต่างประเทศ กลับมาเป็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายให้บริษัทต่างชาติที่เข้ามาตั้งในเมืองไทย ด้วยพื้นนิสัยที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง ประจวบกับพ่อแม่เคารพในความคิดและการตัดสินใจของลูก แม่ของกะทิจึงได้แต่งงานกับชายหนุ่มชาวมัณฑะเลย์ที่ไปเติบโตที่อังกฤษตามความต้องการของเธอ และท้ายที่สุดเมื่อแม่หิ้วกระเป๋าเดินทางพร้อมกับกะทิที่อยู่ในท้องกลับมาเมืองไทยเพียงลำพัง จึงไม่มีใครรบเร้าถามถึงเหตุผล
สิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นคือแม่ของกะทิเป็นแม่ที่รักลูกมาก การจากกันโดยไม่ได้ล่ำลาเพราะไม่อยากทำร้ายลูกเนื่องจากความป่วยไข้ของตัวเอง แม้จะเป็นความรู้สึกปวดร้าว แต่เธอก็ต้องยอม และโลกก็ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไปนักเพราะแม่ของกะทิอดทนมีลมหายใจอยู่รอจนได้พบกะทิและแม่ลูกก็ได้ใช้เวลาทุกนาทีอยู่ด้วยกันจวบจนวาระสุดท้าย ความรักของแม่ทำให้กะทิมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็งแม้จะไม่มีทั้งพ่อและแม่ แต่กะทิก็สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไม่ยากลำบากนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น