วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพยนตร์ ท้าฟ้าลิขิต(ต่อ)

ภาพยนตร์นี้แสดงให้เห็นถึงปัญหาของสังคมไทยคือฆ่าตัวตาย ข้าราชการทุจริต เยาวชนติดเกมและการปล้นสินทรัพย์ ทุกคนคงทราบว่า ตำรวจมีหน้าที่ตรวจตรารักษาความสงบ จับกุม และปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย เป็นผู้ที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงในการดูแลคุ้มครอง ให้เกิดความสงบสุขแก่พลเมืองของประเทศ ในฐานะที่เป็นตำรวจ ตำรวจที่ไป่เล่นการพนันนั้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตน เอาเงินของรัฐไปใช้เป็นเงินของตนเอง ทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องทุจริต ยังเป็นเรื่องที่ผิดกฎระเบียบด้วย ถ้าหากว่าเจี๊ยบไม่ระงับการกระทำของตำรวจคนนี้ ตำรวจคนนี้ก็ฆ่าตัวตายด้วย ชีวิตของคนมีคุณค่าสูงส่ง ดังนั้นสามแสนบาทก็ไม่สามารถซื้อชีวิตของคนได้อย่างแน่นอน การเป็นนักเรียน เรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการสอบ อย่างไรก็ตาม เรื่องการสอบตกไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด วันที่สอบตกก็ไม่ใช่วันสิ้นโลก นักเรียนมัธยมคนนี้ไม่ควรกระโดดตึกเพื่อฆ่าตัวตาย เพราะฆ่าตัวตายแล้วจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ของตนตกอยู่ในความเดือดร้อนตลอดชีวิต หนทางยาวไกลอยู่ นักเรียนคนนี้ควรมองโลกในแง่ดีและกล้าเผชิญอุปสรรคต่างๆในชีวิตอนาคต คนเราต้องทำความเข้าใจกัน มีการให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะมีเรื่องราวอะไร เราต้องปรึกษาหารือกัน อย่าทะเลาะกันหรือตีกัน เพราะทำอย่างนี้มันจะเสีนมารยาท ถ้ารถชนกันแล้ว เราก็ต้องหาวิธีที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับกันมาแก้ปัญหา

ภาพยนตร์ ท้าฟ้าลิขิต(ต่อ)

สังคมไทยมีพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจและยึดถือในการประพฤติปฏิบัติ ในด้านความเชื่อของคนไทย ก็ไม่ได้แตกต่างจากชนชาติอื่นๆ คือมีความเชื่อถือในเรื่องไสยศาสตร์ ผีสางเทวดา เชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นและมีฤทธิ์อำนาจที่จะบันดาลร้าย-ดี ให้แก่มนุษย์ได้ อิทธิพลของศาสนานั้นมีความสำคัญต่อแนวคิดของคนไทย โดยเฉพาะศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ มีอิทธิพลต่อแนวคิดพรหมลิขิตและกรรมลิขิตทำให้เกิดกระแสความคิดแบบชะตากรรมขึ้น เนื่องจากพระพุทธศาสนาในสังคมไทยมีลักษณะสืบเนื่องด้านความคิดจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนรุ่นหนึ่งไม่หยุดนิ่ง หลักคำสอนพระพุทธศาสนาจึงเป็นแนวคิดเชิงปรัชญากระแสหลักของคนไทย
คนไทยมอบกฎศีลธรรมให้กับกรรม "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" กรรมทำหน้าที่ในการให้ผลแก่ผู้กระทำทั้งดีและร้าย กรรมจึงกำหนดการกระทำทุกอย่างและปรากฏออกมาเป็นวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ ในสังคมไทย

ภาพยนตร์ ท้าฟ้าลิขิต (ต่อ)

เหตุผลที่สร้างภาพยนตร์ ท้าฟ้าลิขิต ผมคิดว่ามี ๓ ประการ ได้แก่ การทำบุญ คุณค่าของชีวิต ความรักแน่แท้ ชาวไทยส่วนมากนับถือศาสนาพุทธ ดังนั้นอิทธิพลของศาสนานั้นจึงมีความสำคัญต่อแนวคิดของคนไทย คนไทยมักมีความเชื่อว่า ชาตินี้ทำดีหรือทำร้าย ผลกระทบจะตามมาหาเราทั้งร้ายและดีในชาติหน้า คนที่ทำดีได้ดี ส่วนคนที่ทำชั่วก็ได้ชั่ว ภาพยนตร์นี้มีจุดประสงค์ให้ท่านผู้ชมทั้งหลายไปสร้างบุญหรือทำบุญตลอดเวลา เพื่อให้เกิดผลดีต่อตนเองและคนอื่นๆ คุณค่าของชีวิตคืออะไร บางคนตอบไม่ได้จึงคิดไม่เป็น ต่อมาก็ทำไม่ถูกวิธี เช่น ฆ่าตัวตาย ทำร้ายคนอื่น เรื่องการฆ่าตัวตายไม่ได้แก้ไขปัญหาต่างๆ บางทียังทำให้ปัญหายุ่งยากมากขึ้น ทุกๆคนในใบโลกนี้มีชาติเดียวเหมือนกันหมดและไม่มีใครไม่เสียชีวิตลง เพื่อให้ชีวิตของเรามีคุณค่าสูงส่ง ผมคิดว่าเราควรต้องดำเนินชีวิตอย่างมีสติที่ก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ตนเองและผู้อื่น โดยไม่สร้างความเดือนร้อนให้แก่ตนเองและสังคม ในการดำเนินชีวิตของเรานั้นควรเป็นไปอย่างมีจุดมุ่งหมาย เพื่อชีวิตที่ดีมีคุณค่า ภาพยนตร์นี้มีแนวคิดให้ผู้คนกลับไปไตร่ตรองคุณค่าชีวิตของตนอย่างลึกซึ้ง ประการสุดท้ายคือความรักแน่แท้ ความรักแน่แท้คืออะไร คำตอบนี้อาจไม่มีที่สิ้นสุด แต่การกระทำของเจี๊ยบให้เราได้ทราบถึงความหมายความรักแน่แท้ ความรักแน่แท้คือการให้ การเสียสละ มีความประสงค์ให้คนที่รักมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขและช่วยเหลือบำบัดความทุกข์ รอดพ้นความอันตราย เจี๊ยบยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อช่วยให้ว่านรอดพ้นความตาย แสดงให้เห็นถึงการกระทำดีกว่าคำพูดที่อ่อนหวาน การกระทำสามารถพิสูจน์ความรักแน่แท้ได้

ภาพยนตร์ ท้าฟ้าลิขิต

เจี๊ยบ กับ ว่าน ไปทำบุญที่ถ้ำหินแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในหุบภูเขาและไม่มีคนพักอาศัยอยู่แถวนั้น เมื่อไหว้พระเจ้า เจี๊ยบไม่เชื่อการทำบุญทางศาสนาและพูดเหลวไหลในถ้ำหิน แต่ว่านมีความศัทธาต่อพุทธศาสนาและเชื่อว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ระหว่างทางที่กลับบ้าน ว่านพบเห็นสุนัขตัวหนึ่งที่ข้างถนน ว่านชอบสุนัขตัวนี้เป็นอย่างมากเพราะเธอเป็นคนที่ชอบเลี้ยงสุนัข เมื่อว่านอยากไปเล่นกับสุนัขตัวนี้ ว่านเกือบถูกรถชนตาย แต่โชคดีมากที่ว่านไม่ถูกรถชน เจี๊ยบกำลังจะไปพยุงว่าน แต่ว่านเกิดอาการสาหัสโดยบังเอิญ เลือดไหลออกจากจมูกและปากมามาก อีกไม่นาน ว่านก็โคม่าที่โรงพยาบาล เจี๊ยบกลับไปไหว้พระเจ้าที่ถ้ำเพื่อขอพรให้กับว่านและช่วยว่านหลีกเลี่ยงความตาย มีหลวงพ่อองค์หนึ่งบอกเจี๊ยบว่าเป็นกรรมเก่าของว่าน ซึ่งว่านเป็นโจรที่ฆ่าคนตายไป๕คนในชาติก่อน ดังนั้น จึงมีผลกระทบต่อชาตินี้ ถ้าหากว่าเจี๊ยบอยากช่วยว่านรอดพ้นความตาย เจี๊ยบก็ต้องช่วยคนอื่นรอดพ้นความตายด้วยเพื่อสร้างบุญให้กับคนอื่น เจี๊ยบได้พบกับหนังสือพิมพ์ประหลาดฉบับหนึ่งโดยบังเอิญ ซึ่งพาดหัวข่าวเรื่องราวในอนาคต ส่วนมากเป็นเรื่องราวของคนที่จะตายโดยฆ่าตัวตายหรืออุบัติเหตุ คนเหล่านี้มีตำรวจ นักเรียนมัธยม นักเรียนประถม เป็นต้น เจี๊ยบจึงต้องวิ่งไปแก้สถานการณ์ต่าง ๆ เหล่านั้นด้วยตนเองเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นและช่วยให้คนที่รักรอดพ้นความตาย

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วิเคราะห์เรื่องสั้น(ต่อ)

ตาของกะทิเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน เมื่ออ่านถึงคำพูดของตา ผมรู้สึกสนุกมาก เช่น ตอนที่1 กระทะกับตะหลิว “ตาบอกว่ายิ้มของยายมีน้อย ต้องสงวนเอาไว้อัดกระป๋องส่งออกไปขายต่างประเทศ ”ตอนที่4“ตาหาซื้อเรืออีแปะ···ตาบอกว่าเป็นการปลีกวิเวกพ้นจากมลพิษทางเสียง(ของยาย)” นอกจากนี้ ตาของกะทิร่ำเรียนจากเมืองนอกเมืองนา เป็นนักกฎหมายมือหนึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วบ้านทั่วเมือง ทำเงินเป็นถุงเป็นถุงช่วยเหลือคนมามาก ส่วนนี้แสดงให้เห็นถึงตาของกะทิเป็นคนเก่งด้านกฎหมาย มีน้ำใจและความเที่ยงธรรม ชาวบ้านส่วนใหญ่เคารพตา
ส่วนแม่ของกะทิ ณภัทร พจนวิทย์ เป็นตัวแทนของหญิงสาวสมัยใหม่ที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติและทรัพย์สมบัติ เรียนจบเนติบัณฑิตจากเมืองไทยและไปเรียนต่อต่างประเทศ กลับมาเป็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายให้บริษัทต่างชาติที่เข้ามาตั้งในเมืองไทย ด้วยพื้นนิสัยที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง ประจวบกับพ่อแม่เคารพในความคิดและการตัดสินใจของลูก แม่ของกะทิจึงได้แต่งงานกับชายหนุ่มชาวมัณฑะเลย์ที่ไปเติบโตที่อังกฤษตามความต้องการของเธอ และท้ายที่สุดเมื่อแม่หิ้วกระเป๋าเดินทางพร้อมกับกะทิที่อยู่ในท้องกลับมาเมืองไทยเพียงลำพัง จึงไม่มีใครรบเร้าถามถึงเหตุผล
สิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นคือแม่ของกะทิเป็นแม่ที่รักลูกมาก การจากกันโดยไม่ได้ล่ำลาเพราะไม่อยากทำร้ายลูกเนื่องจากความป่วยไข้ของตัวเอง แม้จะเป็นความรู้สึกปวดร้าว แต่เธอก็ต้องยอม และโลกก็ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไปนักเพราะแม่ของกะทิอดทนมีลมหายใจอยู่รอจนได้พบกะทิและแม่ลูกก็ได้ใช้เวลาทุกนาทีอยู่ด้วยกันจวบจนวาระสุดท้าย ความรักของแม่ทำให้กะทิมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็งแม้จะไม่มีทั้งพ่อและแม่ แต่กะทิก็สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไม่ยากลำบากนัก

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ความสุขคืออะไร

ความสุข คืออะไร ความสุข เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา และพากันแสวงหา ด้วยวิธีการต่างๆ ตามแต่ระดับของสติและปัญญา ที่จะอำนวยให้ได้ แต่ถ้าระดับของสติและปัญญา อ่อนลงมากเท่าไร การแสวงหาความสุขนั้นๆ ก็ย่อมจะพาเอา ความทุกข์ พ่วงเข้ามาด้วยมากเข้าเท่านั้น
ความสุขทั้งทางกายและทางใจ ย่อมมีส่วนสัมพันธ์กัน ไม่อาจจะแยกให้ขาดจากกันได้ เพราะต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน จะขาดเสียอย่างใดอย่างหนึ่งหาได้ไม่

วิเคราะห์เรื่องสั้น

เรื่องสั้นความสุขของกะทินี้ได้เล่าเรื่องราวของกะทิเด็กหญิงวัย 9 ขวบคนหนึ่งที่กำลังจะสูญเสียแม่ไป เรื่องที่เสียแม่เป็นประสบการณ์สูญเสียสำคัญที่สุดสำหรับกะทิ ความสุขของกะทิได้จากผู้คนที่รักใคร่เมตตาโดยเฉพาะตายายจะดูแลเอาใจใส่ กะทิอยู่กับตายายที่บ้านริมคลองที่เต็มไปด้วยเงียบสงบ อย่างไรก็ดี กะทิยังคิดถึงแม่อยู่เสมอ เพราะเธอรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ “แม่” แต่กะทิไม่อยากถามตายายเพื่อไม่อยากให้ตายายลำบากใจ ความสุขของกะทิเป็นนิยายสำหรับทุกคน เพียงแต่มีตัวละครเอกเป็นเด็กเท่านั้นสื่อแนวคิดซึ่งเป็นที่เข้าใจได้สำหรับคนอ่านหลากหลาย
ชีวิตของกะทิเหมือนผิวน้าทะเลสาบ เมื่อมีลมพัดมาเป็นระยะๆ ผิวน้าทะเลสาบจะเกิดคลื่น เมื่อลมหยุด ผิวน้าก็จะกลับมาเหมือนเดิม ซึ่งอยู่เป็นนิ่งๆ ชีวิตที่บ้านริมคลองเป็นชีวิตที่เงียบสงบ เรียบง่าย สบายและสนุกสนาน ผมคิดเป็นผิวน้าทะเลสาบที่อยู่นิ่งๆ ลมที่พัดมาก็ถือเป็นเรื่องที่พบกับแม่และเสียแม่ เมื่อกะทิตัดสินใจกลับบ้านริมคลอง ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โครงเรื่องของความสุขของกะทิมีการเปิดเรื่องที่บ้านริมคลอง การปิดเรื่องก็อยู่ที่บ้านริมคลอง ส่วนการดำเนินเรื่องจะอยู่ที่บ้านชายทะเลและบ้านกลางเมือง ผมคิดว่าโครงเรื่องนี้เหมือนวงกลมวงหนึ่ง เรื่องราวเกิดที่ไหนก็จบที่นั่น
ตัวละครของเรื่องนี้มีกะทิ ตายาย แม่ น้าฎา พี่ทอง หลวงลุง น้ากันต์ ลุงตอง เป็นต้น ผู้เขียนมีกลวิธีการกล่าวถึงภูมิหลังของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นตา ยาย น้าฎา น้ากันต์ และลุงตอง ผ่านการบอกเล่าของตัวละคร อื่น ๆ เช่น กะทิรับรู้เรื่องราวของคนทั้งสามตามคำบอกเล่าของแม่ “...น้าฎามาฝึกงานในสำนักงานตั้งแต่เป็นนักศึกษา พอเรียนจบแม่ก็รับมาเป็นผู้ช่วย หนูชอบน้าฎาตั้งแต่พบหน้ากันครั้งแรก แม่ถึงแน่ใจว่าเลือกคนไม่ผิด..”.
กะทิเป็นเด็กที่มองโลกด้วยสายตาที่สดใสและงดงาม ถึงแม้จะต้องพบกับเหตุการณ์ที่สร้างความปวดร้าวให้เกิดขึ้นในดวงใจเล็ก ๆ ดวงนี้ แต่กะทิก็เลือกที่จะหยิบฉวยความสุขจากสิ่งรอบตัวมาหล่อเลี้ยงหัวใจเพื่อไม่ให้ชีวิตต้องหม่นเศร้าจนเกินไป เมื่อกะทิมีความทุกข์ กะทิก็รู้จักปลดปล่อยอารมณ์ทุกข์ออกมาอย่างเต็มที่ ไม่ทิ้งให้ความรู้สึกนั้นอ้อยอิ่งอยู่ในหัวใจนานนัก เช่นในตอนที่น้ากันต์เล่าให้กะทิฟังถึงโรคที่แม่เป็นอยู่และแม่จะมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน
กะทิเป็นตัวละครเอกของเรื่อง กะทิเป็นเด็กน่ารักกิริยาดีและคิดเป็น กะทิยังเป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดี ซึ่งอาจะเป็นเพราะมี “ความรัก” เป็นเกราะคุ้มกัน โลกของกะทิจึงเปี่ยมไปด้วยความสุขและงดงาม กะทิใช้ชีวิตที่เรียบง่าย รับประทานอาหารที่อร่อยได้โดยไม่ต้องใช้วัตถุดิบราคาแพงอย่างอาหารในภัตตาคาร เล่นของเล่นที่หาได้ง่ายตามละแวกนั้น โดยไม่จำเป็นต้องหาของเล่นสีสันสวยงามหรือตุ๊กตาแพงๆ จะเห็นได้ว่ากะทิพึงใจที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างนั้นตามอัตภาพของตน ซึ่งสามารถทำให้กะทิมีความสุขได้

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แข่งขันสุนทรพจน์ภาษาจีน


โรงเรียนชาญเวทย์ศึกษาจะส่งนักเรียนทั้งหมด๗คนไปร่วมการแข่งขันสุนทรพจน์ภาษาจีนที่สมาคมจงหัวแห่งประเทศไทย การแข่งขันรั้งนี้จะจัดขึ้นในวันที่11-12 กันยายน 2553 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายให้เยาวชนชาวไทยสนใจวัฒนธรรมและภาษจีน ส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีน เนื่องจากมีนักเรียนชาวจีนที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ นักเรียนเชียงใหม่ เชียงรายและจีนไต้หวันมีความรู้พื้นฐานของภาษาจีนมากกว่านักเรียนส่วนภูมิภาคอื่นๆในประเทศไทย คณะจัดการแข่งขันฯจึงแบ่งเป็นสองกลุ่มสี่ระดับ กลุ่ม ก คือการแข่งขันระหว่างนักเรียนชาวจีนและ นักเรียนเชียงใหม่ เชียงราย ส่วนกลุ่ม ข คือ นักเรียนชาวไทยส่วนภูมิภาคอื่นๆในประเทศไทย สี่ระดับนั้นคือ ระดับอุดมศึกษา ระดับมัธยมปลาย ระดับมัธยมต้น และระดับประถมศึกษา อันดับที่หนึ่งจะได้รับเรียญทองและเงินรางวัล5000บาท อันดับที่สองได้เรียญทองและเงินรางวัล4000บาท ส่วนอันดับที่สองได้เรียญทองและเงินรางวัล3000บาท นอกจากนี้ คณะจัดการแข่งขันฯยังจัดมีรางวัลปลอบใจและรางวัลชมเชย คุณครูที่ปรึกษาและนักเรียนที่ไม่ได้เข้ารอบชิงจะได้รับเกียรติบัตร คนละหนึ่งใบ อย่างไรก็ตาม ทางโรงเรียนส่งนักเรียนไปร่วมการแข่งขันฯเพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสเปิดหูเปิดตา รู้จักเพื่อนคนใหม่และสัมผัสความสุขในการเรียนภาษาจีน

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ไชโย สเปน


ฟุตบอลโลก 2010ได้ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์ ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้รับทราบทีมสเปนเอาชัยชนะทีมเนเธอร์แลนด์และได้เป็นทีมแชมป์ใหม่ของฟุตบอลโลก ขอแสดงความยินดีด้วย ในฐานะที่เป็นแฟนทีมสเปน ผมติดตามทีมสเปนมาตั้งแต่นานแล้ว ไม่ว่าเป็นกองหน้า กองกลางหรือกองหลังของสเปน ทุกๆคนล้วนเล่นบอลได้เก่งมาก เมื่อชมเกมของสเปน ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะเกมของทีมสเปนน่าดูจริงๆ ผมมีความหวังว่า ทีมสเปนได้รับถ้วยบอลโลก 2014 ซึ่งฟุตบอลโลกครั้งต่อไปจะจัดที่ประเทศบราซิล ลาก่อน แอฟริกาใต้ ทีมสเปน ขอของคุณมากที่ส่งความสุขมาให้กับผมเป็นบ่อยครั้ง

ทฤษฎีความคาดหวัง

ปัญหาที่เกิดขึ้นในการเรียนภาษาจีนของโรงเรียนชาญเวทย์ศึกษา คือ
นักเรียนไม่ตั้งใจเรียนภาษาจีน เช่น เมื่อเรียนภาษาจีนนักเรียนไม่อยากอ่านตามครูชาวจีนและไปทำการบ้านของวิชาอื่นๆ นักเรียนส่วนหนึ่งไม่ติดหนังสือมาด้วย ครูชาวจีนสั่งการบ้านแล้ว นักเรียนไม่ส่งการบ้านหรือส่งไม่ตามเวลาที่กำหนดไว้ จึงทำให้ผลสัมฤธิ์ในการเรียนภาษาจีนไม่ดีเท่าที่ควร
เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเรียนภาษาจีนที่โรงเรียนชาญเวทย์ศึกษาให้ดีขึ้น ผมมีวิธีการมาแก้ไขปัยหานี้โดยยึดถือทฤษฎีความคาดหวัง
ทฤษฎีความคาดหวังมีคำความสำคัณที่เกี่ยวข้องอยู่๔คำ คือ ผลลัพธ์(Outcomes) ความคาดหวัง(Expectancy) เครื่องมือ(Instrumentally) คุณค่า(Valence)
ผลลัพธ์(Outcomes)ซึ่งมีในระดับแรกและระดับที่สอง ผมคิดว่าผลลัพธ์ระดับแรกในการเรียนภาษาจีนคือการเก็บคะแนน วิธีการเก็บคะแนนมี๒ชนิด คือ ๑.การสอบการอ่านภาษาจีน ครูจีนออกข้อสอบ ซึ่งเป็นคำศัพท์ภาษาจีนหรือประโยคภาษาจีน นักเรียนอ่านคำศัพท์ภาษาจีนถูกต้องและออกเสียงชัดเจน นักเรียนจะได้คะแนนสูงหรือคะแนนเต็ม ๒.ส่งการบ้านตามเวลาที่ครูจีนกำหนดไว้ผลลัพธ์ระดับที่สองคือได้รับรางวัล คะแนนโดยเฉลี่ยของนักเรียนสูง ครูจีนจะมอบรางวัลให้ นักเรียน การได้รับรางวัลและการได้รับการยกย่องจากอาจารย์จีนหรีอผูับริหารของโรงเรียน นักเรียนจะเกิดความรู้สึกว่าตนเองประสบความสำเร็จ
ความคาดหวัง(Expectancy)เป็นเชื่อมั่นว่าการทำงานที่ประสบความสำเร็จเป็นผลมาจากระดับการปฏิบัติ ความคาดหวังจึงขึ้นอยู่กับโอกาสของความน่าจะเป็น ซึ่งจะมีระยะห่างตั้งแต่0ถึง1 ครูจีนต้องให้กำลังใจและความช่วยเหลือแก่นักเรียนเพื่อให้มองเห็นว่าสัมผัสภาษาจีน ก็เป็นสัมผัสความสุขและสัมผัสความสำเร็จ และให้นักเรียนเกิดความรู้สึกว่าตั้งใจเรียนภาษาจีน ครูจีนจะให้คะแนนสูงแน่นอน ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั้น
เครื่องมือ(Instrumentally)เป็นความสำพันธ์ระหว่างการปฏิบัติงาน(ผลลัพธ์ระดับแรก)และรางวัล(ผลลัพธ์ระดับที่สอง)ครูจีนต้องให้นักเรียนเห็นว่าตั้ใจเรียนภาษาจีนและส่งการบ้านตามเวลาที่กำหนดไว้ ครูผู้สอนจะให้คะแนนสูงหรือคะแนนเต็ม นักเรียนจะได้รับการยกย่องจากอาจารย์จีน ถึงปรายเทอมแล้ว อาจารย์จีนจะมอบให้รางวัลที่มีคุณค่า ซึ่งเป็นสิ่งที่รูปธรรม เช่น ของที่ระลึกแบบจีน เงินจีน หนังสือจีน เป็นต้น
คุณค่า(Valence)คือความชอบในผลลัพธ์หรือรางวัลที่ได้รับ หมายถึงความสำคัญที่บุคคลรับรู้ต่อผลตอบแทนหรือรางวัลที่ได้รับ โดยทั่วไปถ้าบุคคลรับรู้คุณค่าสูงต่อผลตอบแทน หรือรับรู้ว่าผลลัพท์มีความสำคัญสูงมากเท่าไรยิ่งทำให้มีแรงจูงใจสูงมากขึ้นด้วยและจะทุ่มเทความสามารถในการกระทำเพื่อให้ได้ผลลัพท์นั้น ครูจีนต้องเตือนนักเรียนว่า ตั้งใจเรียนภาษาจีนให้มาก นักเรียนจะได้คะแนสูงและรางวัล
หากจะใช้ทฤษฎีนี้ในการจูงใจการเรียนของนักเรียน จะต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขต่อไปนี้
· ต้องกำหนดเป้าหมายชัดเจน รวมทั้งการเรียนที่จำเป็นเพื่อการเก็บคะแนนนั้น
· ผลลัพธ์หรือรางวัลจะได้ต้องสอดคล้องกับระดับความสำเร็จในการเรียนเท่านั้น คือ ได้เก็บคะแนนมากจะได้ผลลัพธ์มาก
· ผลลัพธ์หรือรางวัลที่ให้ต้องเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อนักเรียน ครูต้องรู้จักนักเรียนแต่ละคนเป็นอย่างดี
· นักเรียนมีความเชื่อถือในข้อตกลงที่กำหนดกัน ครูต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนักเรียน
คนเราเมื่อตอนอายุยังน้อย ถ้าไม่เรียนหนังสือให้มาก เมื่อเติบใหณ่ไปทำงาน จะมีความรู้สึกว่าความรู้ไม่พอใช้สมกับคำพูดที่ว่า “เมื่ออายุน้อยไม่หมั่นเพียร จะต้องเสียใจเมื่อยามแก” ในฐานะที่เป็นนักเรียน ต้องพยายามเรียนหนังสือ การเรียนภาษาจีนมีคูณค่าที่สุดก็คือได้ชำนาญภาษาจีน นักเรียนที่ชำนาญภาษาจีนจะใช้ได้ในตลอดชีวิต ความพยายามและความสามารถของเขาจะนำไปสู่ความสำเร็จในการทำงานทีวันข้างหน้า ถ้าหากว่านักเรียนไม่สนใจเรียนภาษาจีน ทฤษฎีนี้ไม่เหมาะจะใช้จูงใจนักเรียนเหล่านี้

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การอ่านบทเพลง"ดวงจันทร์แทนหัวใจฉัน"


เมื่อพิจารณาเนื้อหาบทเพลง"ดวงจันทร์แทนหัวใจฉัน" ผมพบการใช้คำว่า爱(รัก)มี10คำ คำว่า情(ความรัก)มี4คำ ในตัวบทประพันธ์นี้ มีการใช้คำกริยามากที่สุด ได้แก่问(ถาม) 爱 ( รัก) และ看(ดู) เป็นต้น การใช้คำกริยาแสดงให้เห็นถึง ความรักนั้นไม่เพียงแต่อยู่ในคำพูดเท่านั้น ยังแฝงอยู่ในการกระทำด้วย ผมเชื่อว่า ทุกคนในใบโลกนี้ล้วนกล่าวคำว่า รัก ออกมาได้ง่ายๆ แต่น่าจะมีบางคนไม่ได้รักด้วยความจริงใจ เพราะเหตุนี้เอง คนที่รักกันจึงต้องทำมากกว่าพูดและแสดงความรักด้วยการกระทำ พิสูจน์ความจริงใจด้วยการกระทำที่มีคุณค่า นอกจากนี้ ในตัวบทยังมีการใช้คำนาม เช่น 月亮(ดวงจันทร์)心(หัวใจ)情(ความรัก)คำวิเศษณ์มีคำว่า轻轻的(เบาๆ) คำสรรพนามมีคำว่าเ你(ธอ)我(ฉัน)
ในตอนแรกของบทเพลงนี้ ประโยคแรกคือคำถาม คำตอบของคนที่ตอบก็เป็นคำถามด้วย ตั้งแต่ประโยคที่๓จะเป็นคำตอบ ซึ่งพรรณาถึงความรักของคนที่ตอบคำถามเป็นอย่างไง ลักษณะเด่นคือมีคำถามก็มีคำตอบด้วย แสดงให้ถึงความรักของคนที่ตอบคำถามเต็มไปด้วยความจริงใจ เพราะว่าดวงจันทร์นั้นสามารถแทนหัวใจของฉันได้อย่างแน่แท้

วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กิจกรรมทายแชมป์ฟุตบอลโลก

เนเธอร์แลนด์ หรือ สเปน
โรงเรียนชาญเวทย์ศึกษาจัดกิจกรรมทายแชมป์ฟุตบอลโลก วัตถุประสงค์ของกิจกรรมคือมุ่งหวังให้นักเรียนทุกคนได้สัมผัสความสุขจากเกมฟุตบอลโลก 2010 และชีวิตที่อยู่ในโรงเรียนเต็มไปด้วยสีสันกับความสนุกสนาน ระเบียบของกิจกรรมคือให้นักเรียนเขียนชื่อทีมชาติที่เข้าสู่รอบชิงในกระดาษ แล้วใส่ลงกล่องที่วางในสนามบาส หลังจากจบเกมรอบชิง ผอ.จะจับผู้โชคดีจะกล่องที่เป็นทีมแชมป์๒คน แล้วมอบรางวัลให้กับผู้โชคดี รางวัลที่มอบให้กับนักเรียน ซึ่งเป็นลูกฟุตบอลและไม้พิงพอง ผมได้ทราบว่า มีนักเรียนบางคนคิดว่าทีมเนเธอร์แลนด์จะเป็นฝ่ายชนะ บางคนกล่าวว่า ทีมสเปนจะได้รับถ้วยบอลโลก อย่างไรก็ดี นักเรียนได้รับความสนุกจากการทายแชมป์ก็เป็นผลที่ดีที่สุด

วันพฤหัสบดี

ผมปฏิบัติหน้าที่ครูเวรของโรงเรียนชาญเวทย์ศึกษาในวันนี้ เมื่อเช้านี้ อากาศเย็นสบายมาก นร.ส่วนใหญ่มาโรงเรียนตั้งแต่เช้า ก่อนที่จะผ่านประตูใหญ่ นักเรียนทำความเคารพต่อคุณพ่อคุณแม่และครูเวร นอกจากนี้ มีนักเรียนประมาณ100คนฝึกซ้อมรำไทยที่สนามบาสเพื่อร่วมกิจกรรมวันแม่แห่งประเทศไทยที่สนามหลวงในวันที่11 สิงหาคม 2553 การแสดงของนักเรียนยังได้รบคำชมเชยจากผู้ปกครองและเพื่อนๆ
ตอนเที่ยงวันนี้ นักเรียนชั้น ป.1ถึงป.4ท่านอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับห้องเรียนอ่านหนังสือ ส่วนนักเรียนชั้นป.5ถึงม.3ไปพักที่ข้างสนามบาสหลังท่านอาหารเสร็จ เพื่อให้การแสดงของนักเรียนดีขึ้น ครูท่านอื่นได้นำนักเรียนผู้แสดงเข้าสู่สนามบาสเพื่อฝึกซ้อมรำไทย นักเรียนบางคนก็ไปชมการแสดง แต่มีบางคนคุยเล่นกัน ผมยังได้ยินนักเรียนบางคนคุยเรื่องที่เกี่ยวกับ ฟุตบอลโลก 2010
เนื่องจากฝนจะตก นักเรียนส่วนใหญ่ก็รีบกลับบ้านหลังจากเรียนเสริมเสร็จ ภายใต้คำสั่งสอนของคุณครูบางท่าน นักเรียนที่เป็นผู้เต้นรำยังซ้อมที่สนามบาส ผมสรรเสริมคุณครูและนักเรียนดังกล่าว ของคุณมากที่ได้ส่งรำที่ส่วยงามมาให้กับทุกคน โดยเฉพาะคุณแม่ทุกท่าน วันนี้โรงเรียนไม่ได้เกิดปัญหาอะไรขึ้น ผมรู้สึกดีใจมาก

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เหตุการณ์สะพานหลูโกว

ในฐานะที่เป็นคนจีน ผมลืมเหตุการณ์สะพานหลูโกวไม่ได้ เพราะว่าในสงครามโลกครั้งที่๒ ทหารญี่ปุ่นทำให้ประชาชนจีนตกอยู่ในความเดือดร้อน ประชาชนจีนทั้งประเทศเสียสละทุกสิ่งเพื่อต่อต้านทหารญี่ปุ่นและกู้ประเทศชาติ ตอนค่ำวันที่7 กรกฎาคม ค.ศ1937 กองทหารญี่ปุ่นที่ตั้งมั่นอยู่สะพานหลูโกวเข้าสู่อำเภอหวันผิงของกรุงปักกิ่งเพื่อหานายทหารญี่ปุ่นนายหนึ่งที่หายตัวไป(ไม่มีใครรู้ว่าหายไปที่ไหน) โดยไม่ได้รัฐบาลจีนอนุญาต แต่กองทหารจีนปฏิเสธข้อเสนอที่ไม่เหตุไม่ผลของทหารญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ กองทหารญี่ปุ่นยังจัดประลองยุทธที่ชานเมืองปักกิ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับที่พักอาศัยของกอลทหารจีน หลังจากนั้น ทหารญี่ปุ่นโจมตีทหารจีนโดยไม่มีเหตุผล ทหารจีนต่อต้านทหารญี่ปุ่นอย่างรุนแรงที่ชานเมืองปักกิ่ง ซึ่งเป็นสะพานหลูโกวอำเภอหวันผิง เสียงปืนของสะพานหลูโกวได้เปิดฉากประชาชนจีนต่อต้านทหารญี่ปุ่นลง

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ลาก่อน ลีโอเนล เมสซี


ฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ วันที่ 3 ก.ค. 2553 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่าง "ฟ้า-ขาว" อาร์เจนตินา ของ ดิเอโก มาราโดนา กับ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ของ "โยอาคิม เลิฟ" ที่สนาม กรีน พอยท์ สเตเดี้ยม สุดท้าย ทีมอาร์เจนตินาแพ้แล้ว หลักจากนั้น ผมเห็นเมสซีเสียใจเป็นอย่างมาก นํ้าตาเมสซีก็ไหลลงมาเรื่อยๆ แม้ว่าผมมไม่ใช่แฟนทีมอาร์เจนตินา แต่ผมก็เห็นอกเห็นใจเมสซีและทีมอาร์เจนตินา ผมเชื่อว่าทุกๆคนในใบโลกนี้ย่อมมีความล้มเหลวในชีวิต อย่างไรก็ตาม เราล้มลงที่ไหน เราก็ต้องลุกขึ้นอีกจากที่ล้มลง และมีความกล้าหาญในการเผชิญอุปสรรค อย่าร้องไห้ อย่าเสียใจ ลีโอเนล เมสซี ฟุตบอลโลก 2014กำลังรอคอยคุณอยู่ หนทางด้านหน้าเต็มไปด้วยสีสันและความหวัง ลีโอเนล เมสซี สู้ๆ

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ความแตกต่างด้านการศึกษาจีน-ไทย

เนื่องจากวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ การเมืองและปัจจัยอื่นๆมีความแตกต่างเป็นอย่างมาก การศึกษาระหว่างประเทศจีนและประเทศไทยจึงไม่เหมือนกัน ผมได้ศึกษาด้านการเรียนการสอนของประเทศจีนและประเทศไทยแล้ว จึงสรุปได้ออกมา10ประการ ได้แก่
ประการที่๑ การวัดและประเมินผล ประเทศจีนจะให้ความสำคัญกับการสอบข้อเขียนในการสอบปลายภาค นักเรียนชาวจีนสอบได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น ไม่คะแนนเก็บอื่นๆ แต่คะแนนรวมของประเทศไทยจะประกอบไปด้วย คะแนนเก็บ สอบกลางภาค และสอบปลายภาค ทำเช่นนี้ นักเรียนชาวไทยจะไม่มีความกดดันจากการสอบข้อเขียน เพราะตั้งใจทำงานในชั้นเรียนก็ได้มีโอกาสเก็บคะแนน
ประการที่๒ จุดประสงค์การศึกษา ประเทศจีนจะเน้นการพัฒนาคุณธรรม สติปัญญาและสุขภาพของนักเรียนเป็นหลัก เพื่อให้นักเรียนได้รับใช้ประเทศชาติ แต่ในประเศไทยจะเน้นให้นักเรียนเป็นคนดี คนเก่วแบละมีความสุข
ประการที่๓ สถานศึกษาของประเทศไทยได้นำหลักทฤษฎี เศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการจัดการศึกษา เพื่อให้นักเรียนคิดเป็น ทำเป็นและมีความรู้พอเพียง แต่ในการจัดการสึกษาของประเทสจีนไม่มีหลักทฤษฎีนี้
ประการที่๔ การจัดหลักสูตรระดับมหาบัณฑิต ในประเทศไทย หลักสูตรมหาบัณฑิตจะแบ่งเป็น๒แผน ก็คือ แผน ก และแผน ข แต่ในประเทศจีนนั้น นักศึการะดับมหาบัณพิตต้องทำวิทยานิพนธ์
ประการที่๕ ช่วงเวลาปิดเทอมในประเทศจีนจะอยู่เดือนกุมภาพันธ์ กรกฎาคมและสิงหาคม แต่ในประเทศไทยจะเป็นเดืนมีนาคม เมษายน พฤษภาคมและตุลาคม
ประการที่๖ การจัดการศึกษาของประเทศจีนส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากทฤษฎีขงจื๊อ แต่ประเทศไทย ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธ
ประการที่๗ ระบบการบริหารสถานศึกษาของประเทศจีนจะจัดมีคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิศ ประเทศไทยไม่มีพรรคการเมืองเข้าร่วมการบิหารสถานศึกษา
ประการที่๘ การพักตอนเที่ยง นักเรียนชาวจีนจะได้พัก๒ชั่วโมงในตอนเที่ยง แต่ในประเทศไทย นักเรียนมีแค่๑ชั่วโมงเท่านั้น ชาวจีนชอบนอนตอนเที่ยง เพื่อเฟื้อนฟูกำลังจิต ส่งผลดีต่อการทำงานในตอนบ่าย
ประการที่๙ การใช้ภาษา ผู้สอนชาวจีนดำเนินการเรียนการสอนด้วยภาษาจีนกลาง แต่ผู้สอนชาวไทยจะใช้ภาษาไทยมาบรรยาย

วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การอ่านเรื่อง ความสุขของกะทิ

ความสุขของกะทิเป็นเรื่องสั้น เล่าเรื่องราวของกะทิเด็กหญิงวัย ๙ ขวบที่ต้องผ่านประสบการณ์การสูญเสีย กะทิแอบคิดถึงแม่อยู่เงียบๆ แต่กะทิก็เป็นเด็กน่ารักกิริยาดี และมีวุฒิภาวะพอจะไม่ถามไถ่ให้ผู้ใหญ่ลำบากใจ เธอจึงเก็บความรู้สึกคิดถึงและใคร่รู้เกี่ยวกับแม่เอาไว้แต่ในใจเพียงลำพัง งามพรรณ เวชชาชีวะเป็นผู้แต่งเรื่อง ความสุขของกะทิ นักเขียนนักแปลผู้มากความสามารถ

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ครูเวร

วันนี้เป็นวันพฤหัสบดี เนื่องจากผมเป็นครูประจำวิชาของโรงเรียนชาญเวทย์ศึกษา ผมจึงต้องเป็นครูเวรหนึ่งวันของทุกๆสัปดาห์ ท่านผอ.จัดให้ผมไปดูแลประตูใหญ่ทุกวันพฤหัสบดี ผมต้องฝึกทำทุกอย่าง เพื่อหาประสบการณ์จากชีวิตประจำวัน
ตอนเช้าวันพฤหัสบดีนี้ ผู้ปกครองส่งนร.มายังร.ร. ก่อนที่จะผ่านประตูใหญ่นร.พนมมือไหว้ครูเวรและพูดว่า สวัสดีครับ/ค่ะ หรือทักทายด้วยภาษาจีน แต่มีนักเรียนมัธยมต้นบางคนแต่งกายไม่เรียบร้อยและไม่ไหว้ครูเวร เมื่อพบเห็นเรื่องราวเหล่านี้ ผมจึงเตือนให้นักเรียนแก้ไข เพื่อให้นักเรียนมีวินัยและมารยาท นอกจากนี้ ยังมีนักเรียนบางคนมาสาย ผมจึงจดชื่อนักเรียนลงในสมุด ผมต้องมีความรับผิดชอบต่อโรงเรียนและนักเรียนทุกคน
ตอนเที่ยงนี้ หลังจากท่านอาหารเสร็จเรียบร้อย นักเรียนก็นำหนังสือมาอ่านที่สนามบาส บางคนอ่านให้คุณครูฟัง บางคนคุยเล่นกัน สำหรับนักเรียนที่ตั้งใจอ่านหนังสือ ผมต้องชมเชยพวกนักเรียน เพราะว่า ทุกคนต้องการคำชมเชยและกำลังใจ
นักเรียนส่วนมากจะกลับบ้านหลังจากเรียนเสริมเสร็จ ก่อนที่จะผ่านประตูใหญ่นร.พนมมือไหว้ครูเวรและพูดว่า สวัสดีครับ/ค่ะ หรือทักทายด้วยภาษาจีนอีก

เรื่องการแปลจดหมายราชการ

ท่านผอ.ของโรงเรียนชาญเวทย์ศึกษามอบหมายให้ข้าพเจ้าช่วยเหลือแปลจดหมายราชการจากสถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ซึ่งแปลภาษาจีนเป็นภาษาไทย จากเนื้อหาจดหมายฉบับนี้ ข้าพเจ้าได้ทราบว่า สำนักงานกิจการชาวจีนโพ้นทะเล ณ คณะรัฐมนตรีแห่งประเทศจีนจะร่วมมือกับสำนักงานกิจการชาวจีนโพ้นทะเลของมณฑลกวางต้งแห่งประเทศจีนจัดการอบรมครูสอนภาษาจีนระดับอนุบาลที่เป็นชาวไทย จุดประสงค์คือพัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทย เวลาการอบรมครั้งนี้เป็น 1 ปี ฝ่ายจีนจะออกค่าใช้จ่ายด้านต่างๆให้กับคุณครูชาวไทย
ก่อนที่จะไปร่วมกานอบรมที่ประเทสจีนนั้น ผู้สมัครเข้าร่วมอบรมต้องสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน สถานทูตจีนจะคัดเลือกผู้สมัครที่ได้ผลการสอบดีเยี่ยมจำนวน 10 คน แล้วจัดส่งไปยังมณฑลกวางต้งแห่งประเทศจีน หลังจากจบการอบรมครั้งนี้ ครูชาวไทยทั้งสิ้นต้องกลับมาประเทศไทยเพื่อดำเนินการสอนภาษาจีนให้กับหน่วยงานเดิม เวลาการทำงานไม่น้อยกว่า 3 ปี เพราะครูชาวไทยส่วนใหญ่ได้เงินเดือนน้อย ไม่ยอมกลับมาเป็นครูสอนภาษาจีนและคงจะไปเป็นล่ามหรือผู้นำเที่ยว